Compound noun คือ คำสองคำหรือมากกว่ามาประสมกันโดยคำหน้าเป็นคำขยาย คำหลังเป็นคำหลัก เมื่อประสมกันแล้วจะได้ความหมายใหม่และทำหน้าที่เป็นคำนาม โดยรูปแบบการเขียนมีทั้งเขียนติดกัน เขียนแยกแบบมี hyphen (-) คั่น และเขียนแยกแบบไม่มี hyphen (-) คั่น ซึ่ง Compound noun สามารถเกิดได้จากคำหลายประเภทมาประสมกัน ดังนี้
1.1. Noun + Noun เช่น
tooth + paste = toothpaste (ยาสีฟัน)
foot + ball = football (ฟุตบอล)
air + port = airport (สนามบิน)
sun + flower = sunflower (ดอกทานตะวัน)
life + time = lifetime (ตลอดชีวิต, ชั่วชีวิต)
1.2. Noun + Verb เช่น
hair + cut = haircut (ทรงผม, การตัดผม)
car + go = cargo (สินค้า)
moon + walk = moonwalk (ท่าเต้นมูนวอล์ก)
hand + shake = handshake (การจับมือ)
rain + fall = rainfall (ปริมาณน้ำฝน)
1.3. Noun + Preposition เช่น
hanger + on = hanger on (ไม้แขวนเสื้อ)
son + in + law = son-in-law (ลูกเขย)
mother + in + law = mother-in-law (แม่ยาย)
1.4. Verb + noun : โดย verb จะเป็นรูป v.ing หรือ Gerund เช่น
washing + machine = washing machine (เครื่องซักผ้า)
swimming + pool = swimming pool (สระว่ายน้ำ)
driving + licence = driving licence (ใบขับขี่)
1.5. Verb + Preposition เช่น
look + out = lookout (การระมัดระวัง, การเฝ้าดู)
check + in = check-in (เช็กอิน หรือการลงทะเบียนเข้าพัก)
turn + about = turnabout (การหมุนรอบ, การหันกลับ, การเปลี่ยนแปลงความคิดเห็น)
1.6. Preposition + Noun เช่น
under + world = underworld (ยมโลก, พวกนักเลง)
on + looker = onlooker (ผู้เห็นเหตุการณ์, ผู้ดู, ผู้ชม)
1.7. Adjective + Noun เช่น
gentle + man = gentleman (สุภาพบุรุษ)
black + smith = blacksmith (ช่างตีเหล็ก)
loud + speaker = loudspeaker (ลำโพง, เครื่องกระจายเสียง)
monthly + ticket = monthly ticket (ตั๋วรายเดือน)
common + room = common room (ห้องรวม, ห้องโถงพักผ่อนของนักศึกษา)
1.8. Adjective + Verb เช่น
slow + down = slowdown (การถ่วงงาน)
dry + cleaning = dry-cleaning (การซักแห้ง)
1.9. Preposition + Verb เช่น
out + put = output (ผลผลิต)
over + throw = overthrow (ความล้มเหลว, การล้มล้าง)
กฎการทำ Compound Nouns เป็นพหูพจน์ (Plural) และแสดงความเป็นเจ้าของ (Possessive)
การทำ Compound Nouns เป็นรูปพหูพจน์ (Plural) นั้นไม่ยากโดยเฉพาะคำที่มี hyphens โดยปกติเราสามารถใส่ ‘s’ ไปที่คำนามได้เลยเช่น daughters-in-law และบางครั้ง ‘s’ จะอยู่ท้ายคำ เช่น go-betweens, higher-ups อย่างไรก็ตามตามแบบฟอร์มแล้วมักจะเติม ‘s’ ที่ท้ายคำนาม เช่น full moons.
การทำ Compound Nouns ให้อยู่ในรูปแสดงความเป็นเจ้าของ (possessive) โดยปกติเราจะเติม apostrophe s (’s) ไปที่ท้ายคำ เช่น son-in-law’s car (รถของลูกเขย) ถ้า Compound word เป็นพหูพจน์เราสามารถเติม ‘s’ และใส่ ’s ได้ แต่จะแปลกนิดหน่อย เช่น daughters-in-law’s attire. ดังนั้นถ้าเป็นไปได้เปลี่ยนประโยคใหม่เป็น the attire of the daughters-in-law. จะดีกว่า เพราะคำประสมที่เป็นพหูพจน์ไม่จำเป็นต้องแสดงความเป็นเจ้าของ
Comment here